เดินทางช่วง ปลายเมษายน 2019 ระยะเวลา 3 วัน
การเดินทางไป Cotswolds เป็นส่วนหนึ่งของทริปอังกฤษ แทนที่จะเที่ยวแต่เมืองใหญ่อย่างลอนดอน ออกนอกเมืองไปเดินเล่นในชนบทเปลี่ยนบรรยกาศบ้าง อารมณ์เที่ยวกรุงเทพแล้วไปต่ออยุธยา หรือไป Tokyo โตเกียวแล้วไปต่อ Kamakura คามาคุระ
Cotswolds เป็นชนบทอังกฤษที่มีหมู่บ้านเล็กๆน่ารักบรรยากาศแสนโรแมนติก ในเขตชนบทขนาดใหญ่ทางทิศตะวันตกของลอนดอนที่ครอบคลุมอาณาเขตกว่า 2,040 ตารางกิโลเมตร ขับรถเพียง 2ชั่วโมงจากลอนดอนก็เข้าถึงเขตในของ Cotswolds เหมาะกับการขับรถเที่ยว ตั้งแต่ Stratford upon Avon ซึ่งบ้านเกิดของ William Shakespeare ถึง Bilbury ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในอังกฤษ Cotswolds เป็นจุดมุ่งหมายที่คนทั่วโลกเดินทางไปเยี่ยม เพื่อให้ได้กลิ่นไอแบบอังกฤษ
Cotswolds ตั้งอยู่ทางใต้ของภาคกลางอังกฤษ กินอาณาเขตครอบคลุม 5 เขตใหญ่ Gloucestershire, Oxfordshire, ทางใต้ของ Warwick ส่วนเล็กๆของ Wiltshire และ Somerset และเสี้ยวหนึ่งของ Worcestershire ซึ่ง Cotswolds ถูกตั้งให้เป็น “Area of Outstanding Natural Beauty” ตั้งแต่ปี 1966 โดยรัฐบาลอังกฤษ ด้วยเอกลักษณ์ของสิ่งปลูกสร้างที่สร้างด้วยหิน ประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และสวนสไตล์อังกฤษแท้
จากประวัติของ Cotswolds (ชื่อทางการเรียกว่า The Cotswolds เพราะเป็นพื้นที่หลายหมู่บ้านรวมกันเป็น collective noun) ชื่อ Cotswolds แปลตรงตัวอว่า "sheep enclosure in rolling hillsides (คอกแกะในหุบเขา)" wold ตัวเดียวแปลว่าเนินเขา หรือในภาษาแซกซันโบราณ Wealdแปลว่า ป่า เนื่องจากในช่วงยุคกลางชางเมืองในพื้นที่แถบนี้ทำการค้าขายขนแกะกับยุโรปจนร่ำรวย เงินที่ได้มาจึงนำมาสร้างโบสถ์ขนาดใหญ่ (อารมณ์เดียวกับชาวพุทธที่สร้างวัด) บริเวณไหนโบสถ์ยิ่งใหญ่ยิ่งเยอะแปลว่าชุมชนนั้นรวย ปัจจุปันคหบดีชาวลอนดอนที่ร่ำรวยมักมีบ้านหลังที่สองในเขต The Cotswolds กัน ฉะนั้นเวลาขับรถในเขตนี้ เราจะเห็นรถสปอรต์หรูๆขับสวนกันเสมอ
หมู่บ้านแบบ Cotswolds แท้ๆได้แก่ Broadway, Burford, Chipping Norton, Cirencester, Moreton-in-Marsh และ Stow-on-the-Wold ซึ่งมีบ้านที่สร้างด้วย Cotswold stone ซึ่งเป็นสีเหลืองเข้มเหมือนสีน้ำผึ้ง เป็นหินฟอสเซลซึ่งส่วนใหญ่เป็นฟอสเซลของปลิงทะเลโบราณ เราตัดสินใจเอาเมือง Moreton-in-Marsh เป็นฐานและใช้วิธีขับรถ ที่เลือกเพราะโรงแรมที่อยู่มีร้านอาหารอังกฤษที่อร่อยมาก กองทัพย่อมเดินด้วยท้องเสมอ
Moreton-in-Marsh
Moreton-in-Marsh เป็นหมู่บ้านเก่าแก่มีประวัติย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 6 และเคยเป็นสมบัติของราชสำนักอังกฤษ โดยมีการพัฒนาหมู่บ้านนี้ให้เป็นจุดศูนย์กลางการค้า ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 และ The Redesdale Market Hall ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของหมู่บ้านถูกสร้างในปี ค.ศ. 1887 และตั้งอยู่กลางเมืองเป็นสง่า ที่นี่มีรถไฟมาถึงได้ตรงจากลอนดอน
Chipping Camden
Chipping Camden เป็นหมู่บ้านสวยที่ต้องไปเยือน มีประวัติย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 14 เป็นศูนย์กลางการค้าขนแกะ ซึ่งยังเห็นลานตลาดเล็กๆที่กลางเมืองซึ่งครั้งเก่าใช้ในการค้าขาย
ปัจจุปันเป็นเมือง Chipping Camden ที่มีร้านค้าและร้านกาแฟน่านั่งหลายแห่งในเมือง ถนนในเมืองนี้ถ่ายรูปได้สวยมากเพราะเป็นบ้านที่ทำด้วย Cotswold Stone ทั้งสองข้าง ส่วนรอบๆหมู่บ้านเป็นบ้านเดี่ยวมุงด้วยหลังคาฟางราคาหลักล้านปอนด์งามๆ ส่วนตัวคิดว่าถ้ามีเวลาน้อยเมืองนี้จะพลาดไม่ได้
Broadway
Broadway เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่และได้ชื่อว่า "Jewel of the Cotswolds" ถนนที่นี่ค่อนข้างกว้างซึ่งเป็นเพราะในสมัยที่ยังค้าขายขนสัตว์ รถม้าขนส่งต่างๆระหส่าง Worcester - London จะผ่านที่ Broadway ซึ่งเป็นจุดพักขนาดใหญ่ ยุคที่เฟื่องฟูในช่วงศตวรรษที่ 17-19 มี Public House (โรงเตี้ยม) มากถึง 33 แห่งจนกระทั้งมีการเดินรถไฟ จึงลดบทบาทการเป็นเส้นทางการค้า แต่กลับเป็นแหล่งที่ผู้มีอันจะกินทั้งหลาย รวมถึงนักเขียนและศิลปินมาใช้ชีวิตสงบๆในชนบทในช่วงศตวรรษที่ 19-20 จนกลายเป็นแหล่ง Art & Crafts movement ปัจจุปัน Broadway เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของ Cotswold ซึ่งมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านค้าน่ารักเต็มเมือง
เมื่อไปถึง Broadway ต้องขับรถอีกนิดเพื่อไป Broadway Tower ซึ่งสร้างในปี ค.ศ. 1794 สำหรับ Lady Coventry ซึ่งเป็นภรรยา Earl of Coventry เป็นหอส่งสัญญานไฟถึงคฤหาสน์ใน Worcester ซึ่งอยู่ห่างจากเนินเขานี้ 35กิโลเมตร ภายหลังหอคอยนี้ถูกนำมาใช้เป็นสำนักพิมพ์อยู่หลายสิบปี ปัจจุปันสามารถเข้าเยี่ยมชมได้
Bilbury
Bilbury เป็นหมู่บ้านที่ William Morris เรียกว่า ‘The most beautiful village in England’ สำหรับ William Morris เขาคือหนึ่งในผู้วางรากฐานคนสำคัญของ British Arts and Crafts movement ในศตวรรษที่ 19 ซึ่งลายดอกไม้สุดคลาสสิกที่เขาออกแบบและใช้กันอย่างแพร่หลาย ก็ได้แรงบันดาลใจจาก Cotswold
ภาพถ่ายตรง Arlington Row เป็นภาพที่เป็นตัวแทนของ Cotswold และยังเป็นภาพที่เป็นลายน้ำอยู่ด้านปกในของพาสปอร์ตอังกฤษด้วย ซึ่ง Arlington Row เดิมสร้างเป็นที่เก็บขนสัตว์ในศตวรรษที่ 14 และต่อมากลายเป็นโรงทอขนสัตว์ในช่วงศตวรรษที่ 17 ปัจจุปันเป็นสมบัติของชาติ
แม่น้ำ Coln ที่ไหลผ่านหน้าหมู่บ้าน Bilbury นี้ใสจนมองเห็นพื้นน้ำ อดีตชาวบ้านใช้น้ำในแม่น้ำนี้ล้างขนสัตว์ก่อนนำไปทอ ซึ่งแม่น้ำนี้ทำให้หมู่บ้านมีบรรยกาศงามร่มรื่นน่าอยู่ ถนนในหมู่บ้านมีอยู่เส้นเดียว แต่สวยได้ใจเลย แนะนำให้มาช่วงเช้าๆก่อนนักท่องเที่ยวหลักจะมาถึง
ตรงมุมที่เป็น visitor center เป็นฟาร์มปลาเทรท Bilbury Trout Farm ซึ่งเป็นที่เดียวในหมู่บ้านสำหรับพักผ่อนและทานอาหาร
Burton on the Water
Burton on the Water หมู่บ้านที่ touristic มากที่สุดแห่งหนึ่งใน Cotswolds จากเดิมเป็นหมู่บ้านที่มีแม่น้ำผ่านกลางเมือง และมีสะพานเล็กๆพาดข้ามหลายๆจุด มีความสงบจากเสียงน้ำที่ไหลเบาๆ ต้องไปถึงช่วงเช้าๆเท่านั้นถึงจะได้อารมณ์นั้น ปัจจุปันกลางเมืองเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านไอศรีมและร้านกาแฟ และมี Cotswold Motoring Museum & Toy Collections เป็นจุดท่องเที่ยวหลัก
Stow on the Wold
Stow on the Wold เป็นหมู่บ้าน Market Town มีลานกว้างกลางเมืองไว้จอดรถ และร้านค้าจะอยู่ล้อมรอบลานกว้างนี้ ตั้งอยู่ตรงกลางของ Cotswold เหมือนเมืองทางผ่าน แต่มีร้านค้าและตึกน่าสนใจ เราไปถึงค่อนข้างเย็นและพลาด St Edward's Church ซึ่งอยู่ในรายชื่อสถาปันยกรรมอนุรักษ์ของอังกฤษ จุดเด่นคือประตูด้านเหนือของโบสถท์ที่มีต้นไม้ขนาบข้างอยู่ สำหรับคนที่อ่านข้อมูลนี้ก็ไม่ควรพลาด
Burford
Burford เป็นเมืองที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ยุคกลางอยู่ในเขต Oxfordshire ชื่อเของเมืองมาจากคนโบราณที่แปลว่าเมืองป้อม ถนนที่วิ่งผ่านกลางเมืองเป็นเส้นหลัก และเมืองมีลักษณะเหมือนแอ่ง ต้นและท้ายเป็นเนิน ตึกทั้งสองข้างทางเป็นแบบที่แตกต่างจากหมู่บ้านอื่นๆ มีกลิ่นไอของ Oxford มากหน่อย เพราะเป็นส่วนใต้สุดของ Cotswold ห่างจาก Oxford เพียง 20ไมล์เท่านั้น
บ้านที่อยู่ตรงถนนกลาง Burford นั้นดูสวยน่ารักทุกหลัง แต่คงจะได้รับเสียงรบกวนจากรถที่สัญจรไปมาบนถนนนี้ไม่น้อย ถ้าได้มาเดินเล่นในหมู่บ้านนี้ แนะนำให้มาชักภาพหน้าประตูบ้านเหล่านี้
Burford เป็นเมืองช้อปปิ้งมีร้านค้าเยอะ และเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวเยอะมากรองจาก Stratford upon Avon ไม่ควรพลาด Parish Church of St. John the Baptist หรือที่เรียกกันว่า Burford Church ซึ่งเป็นโบสถ์จากยุคกลาง สร้างในศตวรรษที่ 12 แต่เสร็จในศตวรรษที่ 15 โดยได้รับงินบริจาคจากคหบดีที่ค้าขายขนสัตว์ในยุคนั้น โบสถ์นี้ยังใช้งานอยู่และค่อนข้างสวยมากด้านใน ที่น่าสนใจคือมีการจัดสวนแซมกับหลุมศพโบราณที่รายล้อมตัวโบสถ์ โบสถ์ได้รับการบูรณะในปี 1870 ซึ่งทำให้ William Morris จัดตั้งองค์การ the Society for the Protection of Ancient Buildings ในปี 1877 เพื่อจัดการกับอาคารเก่าล้ำค่าทั่วอังกฤษ
Stratford upon Avon
Stratford upon Avon เป็นบ้านเกิดของ William Shakespeare เช็คสเปียร์ กวีเอกของอังกฤษ แต่เขาไม่ได้ใช้ชีวิตที่นี่เลยหลังจากที่โด่งดังในราชสำนัก แต่ถึงกระนั้นที่นี่ก็อาศัยชื่อ Shakespeare ดึงดูดนักท่องเที่ยวมานับศตวรรษแล้ว ในบรรดาประเทศในแถบยุโรป ชาวอังกฤษถึงเป็นคนที่ทำการตลาดเก่งที่สุดมีกลเม็ดใหม่ๆออกมาเสมอ
Stratford upon Avon ปัจจุปันเป็นเมืองใหญ่โตมีถนนหลายสายและมีสถานที่เดินเที่ยวเยอะมาก บ้านในแถบนี้ไม่ได้เป็น Cotswold Stone เหมือนเมืองอื่นๆ และมี Royal Shakespeare Theatre สร้า่งเนื่องในโอกาสรำลึกถึง Shakespeare ครบ 100ปี (เป็นวิธีดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต้องอยู่ค้างคืนเพิ่มอีก) โดยแสดงผลงานละครเวทีของเขาเท่านั้น เป็นเมืองใหญ่ที่มีร้านอาหารขนาดใหญ่และร้านค้าขนาดใหญ่เต็มเมือง กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชอบคือการนั่งเรือชมแม้น้ำ Avon และเลี้ยงห่านริมน้ำ
การเตรียมตัว
Cotswolds เหมาะกับการเดินทางตลอดปี จะได้บรรยกาศที่ไม่เหมือนกันตลอดปี สำหรับคนที่ชื่นชอบสวนดอกไม้ แนะนำให้เดินทางช่วงพฤษภาคม-สิงหาคม ฤดูใบไม้ร่วงก็สวยเหมาะกับการถ่ายรูป เดินทางช่วง กันยายน-พฤจิกายน การเตรียมตัวไม่มีอะไร นอกจากต้องศึกษาเรื่องการเดินทาง แม้จะมีรถไฟไปถึงบางจุด แต่ไม่ได้สะดวกในการเดินทางด้วยวิธีนี้นัก และรถประจำทางมีน้อยมาก วิธีเดินทางที่ดีที่สุดคือการขับรถเที่ยว หากไม่อยากขับระยะไกล สามารถเริ่มเช่าจากเมือง Oxford ได้ ถ้าไปในช่วงหน้าร้อน โลกปัจจุปันมี Google Map บนมือถือ ดังนั้นจะขับหลงยากมาก เพราะใน Google ระบุค่อนข้างชัดเจน คำเตือนสำหรับคนที่เช่ารถ อย่าลืมใบขับขี่ตัวจริงที่เราใช้ในประเทศไทย และใบขับขี่สากล ต้องใช้คู่กันเวลาลงทะเบียนรับรถ
תגובות