เดินทางช่วงกลางมีนาคม 2019 ระยะเวลา 1 วัน
ฉากที่เรือแล่นพาพระเอกที่ถูกคุมตัวไปสู่เกาะร้างซึ่งเป็นรังของหัวหน้าวายร้ายในหนังเรื่อง James Bond 007: Skyfall เป็นฉากที่ติดตามาก มันให้ความรู้สึกแบบ post-apocalyptic world โลกหลังล้มสลาย เกาะที่มีแต่ซากตึกคอนกรีตสูงที่ถูกทิ้งร้างทั้งเกาะ และทำให้เกิดความอยากเดินทางไปนางาซากิเพื่อไปเห็น Hashima / Gunkanjima Island (Battleship Island) เกาะฮาชิมะ/กุนกันจิมะ (เกาะเรือรบ) กับตา ซื้อตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแต่ดันเจอแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่คิวชูเสียก่อน จึงทิ้งห่างมาถึง 2019 ถึงได้ไปเยือน แต่ก็ไม่เสียเที่ยว ได้ไปชมเกาะสมใจ แถมได้วิวแบบเต็มๆเพราะเพื่อนจองที่นั่งแบบ VIP Class ให้บนเรือ จึงได้สิทธิในการชมวิวในโซนพิเศษที่ไม่มีใครบัง
Nagasaki นางาซากิผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นที่แรกๆของญึ่ปุ่น เพื่อให้มีการพัฒนาให้ทัดเทียมกับโลกตะวันตก จึงมีการสร้างโรงงานต่างๆมากมาย เกิดความต้องการด้านพลังงานอย่างมาก เลยมีการขุดเพื่อหาถ่านหินเพื่อใช้เป็นพลังงาน และเกาะฮาชิมะ (เกาะเรือรบ) ก็เป็นแหล่งขุดถ่านหินชื่อดังของโลกที่บริษัทมิตซูบิชิเป็นเจ้าของตั้งแต่ปี ค.ศ. 1887 - 1974
เกาะฮาชิมะมีเหมืองถ่านหินใต้ทะเล จึงถูกพัฒนาเป็นเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่เพื่อรองรับกับความต้องการถ่านหินในการพัฒนาอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นยุคนั้น มีการอพยพแรงงาน และครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานอยู่บนเกาะแห่งนี้จนเต็มพื้นที่ ในช่วงที่เฟืองฟูสุดขีด เหมืองสามารถผลิตถ่านหินได้มากถึง 440,000ตันต่อปี แม้จะหาแรงงานมามากเพียงใดก็ไม่พอกับการผลิต เพราะการขุดถ่านหินนี้เป็นการขุดลึกลงไปใต้ทะเลถึง 1กิโลเมตรโดยปากทางเข้าเหมืองอยู่บนเกาะที่มีขนาดเพียง 64,750ตารางเมตรเท่านั้น (ถ้าอยากรู้ขนาดก็เทียบกับศูนย์การค้า Central World กลางกรุงเทพ ซึ่งมีขนาด 550,000 ตารางเมตรดู)
ทุกวันคนงานต้องใช้เวลาลงลิฟท์นานถึง 20นาทีกว่าจะลงไปถึงเหมือง และต้องทำงานในพื้นที่คับแคบที่อุณหภูมิ 30องศาและความชื้น 95% (เหมือนแช่ในตู้อบไอน้ำ)เป็นเวลา 10-12 ชั่วโมง/วัน หากจะหาคนสมัครใจลงไปทำงานคงยากมาก จึงมีการจัดหาเชลยสงครามจากจีนและเกาหลีมาทำงานในนี้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในขณะที่ทางการญี่ปุ่นบอกว่ามีนักโทษเกาหลีหลักร้อยที่ถูกเกณฑ์มา ทางเกาหลีเชื่อกันว่ามีเชลยมากถึง 57,900คนถูกส่งมาที่นี่และตายถึงหมื่นคนในเหมืองนี้ จนทำให้ต่อมาเมื่อมีการเสนอชื่อเกาะฮาจิมะให้ UNESCO ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ได้มีการทักทวงจากจีนและเกาหลีอย่างหนักจนถูกปัดตกไป และมีภาพยนต์และซีรีย์เกาหลีพูดถึงชีวิตเชลยสงครามบนเกาะนี้หลายเรื่องทีเดียว
เกาะฮาจิมะที่มีพื้นที่เพียงหยิบมือ กลับมีคนอาศัยอยู่มากถึง 5,259คนในยุคที่เฟืองฟูสุดขีด ทางมิตซุบิชิสร้างอาคารคอนกรีตขนาด 7 ชั้นขึ้นเพื่อให้สิ่งก่อสร้างสามารถทนพายุไต้ฝุ่นได้ จากตึกแรกก็สร้างเพิ่มไปเรื่อยๆจนในที่สุดถมทะเลสร้างล้นจากเกาะเดิมไป ทำให้มีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล โรงละคร ออนเซน ตลาด ร้านค้า ร้านทำผม และอื่นๆอีกเต็มเกาะ จากบันทึกพบว่าประชาชนที่อาศัยบนเกาะแห่งนี้เล่าว่าพวกเขาไม่เคยเห็นพื้นดินบนเกาะ ไม่มีต้นไม้ หญ้าหรือวัชพืชขึ้นได้เลย ประชากรกว่า 5พันชีวิตไม่มีน้ำจืดใช้ ทุกอย่างต้องนำมาจากแผ่นดินใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างออกไป 15กิโลเมตร หากวันไหนมีพายุเข้าก็จะขาดน้ำ
ต่อมาทางมิตซูบิชิก็ได้ประกาศปิดเหมืองบนเกาะฮาชิมะ เนื่องจากพลังงานจากถ่านหินไม่ได้เป็นที่ต้องการของญี่ปุ่นอีกต่อไป เพราะค้นพบน้ำมัน จากวันที่ประกาศปิดเกาะในปี 1974 ผู้คนก็อพยพออกจากพื้นที่แทบจะทันที เพราะไม่มีรายได้จากเหมืองอีก สภาพที่เราเห็นในปัจจุปัน ยังคงสภาพวันที่ชาวเหมืองย้ายออกไป มีขยะและสิ่งของทิ้งไว้มากมาย จนทำให้ผู้ที่พบเห็นเรียกที่นี่ว่า Ghost Town เมืองปีศาจ
จนเมื่อปี ค.ศ. 2002 ที่ทางบริษัทมิตซูบิชิโอนเกาะคืนให้รัฐบาลท้องถิ่นเพื่อเป็นสาธารณะ จึงมีการเข้าไปสำรวจและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในปี ค.ศ. 2005 ปัจจุปันมีบริษัทเดินเรือนำเที่ยว 3 เจ้าให้บริการ แต่นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินชมตามใจได้ ต้องขึ้นลงเรือพร้อมกัน และสามารถเดินชมได้เพียงรอบนอกซึ่งทำเป็นทางเดินไว้ 220เมตรเท่านั้น เนื่องจากอาคารเก่าแก่มากและมีการพังทลายหลายครั้ง จึงค่อนข้างอันตรายที่จะให้เข้าไป
การเตรียมตัว
สำหรับการไปเกาะฮาจิมะ ต้องจองผ่านบริษัทนำเที่ยว 3 เจ้าล่วงหน้า เมื่อใกล้ถึงเกาะทางเรือจะประกาศให้ผู้โดยสารในชั้นต่างๆได้ทยอยออกไปชมวิว ซึ่งจะเห็นว่าเกาะเป็นเหมือนรูปเรือรบจริงๆ หากอยากเห็นวิวเกาะเต็มๆแนะนำให้จ่ายแพงกว่า จะแพงกว่าที่นั่งปกติ 2เท่า แต่สำหรับเราถือว่าคุ้มมาก เพราะส่วนที่สวยที่สุดของการไปชมเกาะนี้คือวิวเต็มของเกาะจากทะเล โดยราคาที่นั่ง Premium Seat นี้นอกจากจะได้ขึ้นและลงเรือก่อนใคร มีโซนชมวิวบนเรือด้านหน้าสุดที่ไม่มีใครบังได้ และไกด์เฉพาะที่พาเดินนำไปก่อนที่กลุ่มใหญ่จะมาถึง ทำให้มีเวลาถ่ายภาพเต็มๆโดยไม่มีคนบังบนเกาะ ยังรวมเครื่องดื่ม ของว่างและของที่ระลึกบนเรืออีกด้วย ถือว่าควรจัดอย่างมาก
แต่สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจดูซากตึก ไม่ควรเสียเงิน เสียเวลาเดินทางไป เพราะต้องใช้จินตนาการอย่างมากในการเยี่ยมชม และเสียเวลาราว 3-4ชั่วโมงตั้งแต่รับตั๋ว เข้าฟังบรรยายก่อนขึ้นเกาะ และนั่งเรือไป-กลับ มีเวลาบนเกาะเพียง 20-30นาทีเอง
Comments