top of page

White Desert, Egypt

Updated: Dec 24, 2019

เดินทางช่วง: ธันวาคม 2018 ระยะเวลา 2 วัน

เส้นทางนี้เป็นส่วนหนึ่งของทริปอียิปต์ แต่แยกเขียนเพื่อง่ายแก่การอ่าน ปกติคนที่เที่ยวอียิปต์จะไปปีรามิด หรือล่องแม่น้ำไนล์ เป็นการเที่ยวเชิงวัฒนธรรม แต่พื้นที่เกินครึ่งของอียิปต์อันที่จริงเป็นทะเลทราย การเที่ยวเชิงภูมิทัศน์ในทะเลทรายอียิปต์เป็นวิธีเที่ยวอีกแบบหนึ่งที่ควรค่าแก่การลอง

ทะเลทรายทางตะวันตก western desert เป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกนิยมกันมาก แต่ตั้งแต่เหตุการนักท่องเที่ยวถูกจับเป็นตัวประกันและถูกยิงเสียชีวิตที่หุบเขาแห่งกษัติย์ เมื่อช่วงไม่กี่ปีก่อน และการปิดพื้นที่นี้เป็นครั้งคราวโดยกองทัพอียิปต์ ทำให้นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้ามาหลักๆแทบหายไป เส้นทางนี้จึงเงียบเหงาลงมาก

เสียดายที่เรามีเวลาน้อยไปนิด ถ้าจัดเพิ่มอีก 1 วัน เราจะได้ไป Siwa Oasis ที่ซึ่งพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ไปตามหาผู้มีญานทิพย์เพื่อบอกชะตาชีวิตของพระองค์ตามตำนาน

อันที่จริงทะเลทรายแถวนี้ไม่ได้ไกลจากไคโรมากนัก แต่ถนนไม่ดีจึงทำให้ใช้เวลาเยอะในการเดินทาง ซึ่งกินเวลา 4 ชั่วโมง ตามเส้นทางเราต้องผ่านทะเลทรายดำก่อนซึ่งมีทรายเป็นสีดำเหมือนมีคนทำเขม่าดำตกใส่ ว่ากันว่าสีดำจากทรายดำนี้เป็นเถ้าภูเขาไฟที่ระเบิดหลายพันปีก่อน แร่ธาตุที่มีสารอาหารสูง หากเพาะปลูกจะดีมากแต่ว่าขาดน้ำในทะเลทราย จึงไม่ได้มีประโยชน์

หินที่อยู่ในทะเลทรายดำเหมือนถ่าน

ทีแรกที่เห็นทะเลทรายดำรู้สึกไม่ชอบ ดูเหมือนมีเขม่าดำๆเลอะบนทรายสีทอง ถ้าจะบอกว่ามันเป็นอย่างนี้มาหลายพันปีก็น่าอัศจรรย์ เพราะมันเหมือนคนเพิ่งมาโรยผงดำๆนี้บนเนินทรายเมื่อวานนี้เอง

จากนั้นแวะทานอาหารและหลบแดดในโอเอซิสซึ่งมีแหล่งน้ำ น่าแปลกที่มีน้ำผุดขึ้นกลางทะเลทรายทั้งๆที่ระหว่างทางที่ขับมากลายชั่วโมง นอกจากหมู่บ้านเล็กๆที่มีร้านอาหารที่ดูเรียบง่ายนั่งทานกับพื้น (แถมต้องถอดรองเท้านั่งอีก) นี้แล้ว มีแต่สันทรายล้อมรอบเรา การพักทานอาหารนี้พักกันยาวเลย เพราะแสงแดดร้อนมากยามบ่ายและไม่มีที่หลบแดด



บ่ายแก่เดินทางต่อไปภูเขาคริสตัล Crystal Mountain ที่มีแร่หินผลึกหลากสีตั้งแต่ขาวขุ่นถึงชมพู น่าทึ่งมากที่เห็นฝังอยู่ในทราย บริเวณนี้อยู่กลางทะเลทราย และเพิ่งถูกค้นพบเมื่อมีการตัดถนนระหว่าง Bahariya ถึง Farafra เมื่อไม่นานมานี้ พื้นที่แถวนี้เกิดจากการดันกันของเปลือกโลกทำให้หินที่อยู่ใต้เปลือกโลกนี้นูนขึ้น เป็นพื้นที่กว้างมาก

มองไปทีแรกเห็นว่าตามพื้นมีกรวดหินเป็นทางยาวๆในทะเลทราย เมื่อขับเข้าไปใกล้ๆจะมีบางช่วงเป็นเนินหิน เราหยุดสำรวจ ทีแรกเห็นเป็นหินคมๆเปื้อนฝุ่นดูไม่ออก และเห็นหินตกกระจายทั่วๆไป เก็บมาปัดดูเป็นหินผลึกเหมือนคริสตัลใสชมพูอ่อนๆสวยน่าทึ่ง มีทุกขนาดที่แปลกคือมันตกกระจายอยู่ทั่วไปและไม่มีใครมาเก็บ

ช่วงบ่ายต้องทำเวลาหลายทีเพราะเสียเวลาเดินทางตอนเช้าและหลบแดดนาน อยากจะอยู่วิจัยผลึกแก้วต่อก็ไม่ได้ ต้องเดินทางต่อเข้าส่วนพื้นที่ทะเลทรายขาว โดยผ่านพื้นที่แบบหุบเขา Canyon ก่อน พอเข้าเขตนี้จะเริ่มเห็นว่าพื้นทรายไม่ทองเท่าเดิม แต่ดูหม่นๆ ไม่ค่อยจะสวยเท่าที่จินตนาการ อันที่จริงพื้นที่แถวนี้เป็น sand stone มีเนินทรายเป็นหลุมขนาดกว้างมากเหมือนหุบเขาใหญ่ๆและมีแท่งหินตรงกลาง จะรอให้มีรถผ่านเพื่อวัดสเกลความใหญ่ของหิน แต่ก็ไม่มีผ่านมาเลย จะใหรถเราขับลงไปก็ไม่ได้เพราะทรายร่วนเกินต้องไปอ้อมไกล..เสียดาย

ภูเขาหินปูนขนาดหมึมามีรูปทรงเหมือนจอมปลวก สังเกตุรอยล้อรถที่วิ่งเป็นเส้นๆรอบๆระหว่างเขาหินปูนพวกนี้ จะเห็นว่าเขามีขนาดใหญ่เพียงใด

ตรงนี้เป็นที่แรกที่เราเริ่มเห็นหินปูนสีขาวโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินเป็นช่วงๆ และขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเราขับเข้าไปยิ่งลึกจะเห็นยิ่งมาก เราแวะลงถ่ายรูปบนเนินสูงแห่งหนึ่ง จากจุดนี้จะมองเห็นหุบเขาหินปูนทั้งหมด

ทรายที่เหยียบอยู่ละเอียดมาก ร่วนมาก จนทำให้เดินขึ้นลงเนินลำบากมากทีเดียว สังเกตุขนาดของหินปูนมีขาวในภาพและคน จะรู้เลยว่าทะเลทรายนี้กว้างใหญ่ไพศาลมาก

สีขาวของทะเลทรายขาวมาจากหินปูนที่ถูกลมกัดกร่อนกลายเป็นทรายสีขาวที่ปะปนกับทรายสีเข้ม ดูแปลกตาและ White Desert แห่งนี้เป็นที่เดียวในโลกที่มีประติมากรรมหินธรรมชาติขนาดใหญ่โตตระการตา ถ้าให้เที่ยวถ่ายรูปคนแบบ portrait ถ่ายได้ทั้งวันเลย โลเกชั่นหลากหลายมาก ถ้ามาใหม่ได้ขอจัดเพิ่ม 1 วันเต็ม

ไฮไลท์ของทะเลทรายขาวอยู่ในโซนที่มีการกัดกร่อนของหินปูนขนาดใหญ่สีขาวเป็นรูปทรงต่างๆ แต่ละเขตจะเป็นคนละรูปทรง โดยเขตแรกเป็นรูปคล้ายเห็ดขนาดใหญ่

เขตต่อๆมาเป็นหินรูปต่างๆ บ้างก็คล้ายอูฐ เต่า กระรอก นก เหยี่ยว แล้วแตาจะจินตนาการกัน เวลาที่ไล่ดูตามรูปอยากให้สังเกตุรูปที่มีรถวิ่งผ่าน (คือต้องรอนานกว่าจะมีผ่านสักคัน ทั้งที่ช่วงเวลาที่คนเยอะที่สุดคือช่วงเช้าๆและช่วงเย็นๆแบบนี้) จะเห็นว่าหินแต่ละก้อนใหญ่ขนาดไหน

ภาพที่อยากเห็นที่สุดในทริปนี้

เพื่อจะเก็บภาพในช่วงที่แสงสวยทำมุมกับพื้น เราก็มีเวลาเก็บภาพได้ไม่นานนัก ทุกจุดที่แวะต้องเร่งรีบกันมากๆ ซึ่งโซนสุดท้ายคือจุดหินที่เป็นรูปต้นไม้กับลูกไก่นี้ แสงหวานมากๆพอดี โดยเฉพาะแสงที่ตกกระทบบนหิน

เราอยู่กันจนแสงตกลับขอบฟ้า ช่วงเวลาที่น่าถ่ายรูปที่สุดคือช่วงนี้ล่ะที่แสงเปลี่ยนทุกนาที ความประทับใจกับ 1 วันบนทะเลทราย Bahariya ใน Western Desert แม้จะจบลง แต่ทำให้อยากกลับมาอีก เพื่อถ่ายแสงแรกของวัน


คนส่วนใหญ่ที่มาที่ทะเลทรายนี้จะมากับรถโฟร์วิล ที่ขนเต็นมาด้วยเพื่อกางเต็นแบบเบดูอิน และก่อไฟทำอาหารแบบชาวเบดูอิน นอนดูดาวกลางทะเลทราย สำหรับเราที่มากันแค่ 2 สาวจึงเลือกไปอยู่โรงแรมที่ Bahariya Oasis ต้องขับรถกลับไปอีก 50กิโลเมตรเพื่อไปนอนในรีสอร์ทที่มีแค่เราเข้าพัก ไกด์บอกว่าจากเหตุการความไม่สงบหลายปีมานี้ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในเขตนี้ โรงแรมแถบนี้จึงแทบไม่มีลูกค้าเลย

ตอนเช้าเราสำรวจรอบโรงแรม แถวนี้เป็นแหล่งน้ำแร่ที่มีน้ำพุร้อนธรรมชาติ แสงเช้าที่ส่องผ่านต้นปาล์มและไอความร้อนจากน้ำพุร้อนทำให้บรรยกาศรอบโรงแรมดูน่ารืนรมย์มาก มีชาวบ้านมาลงแช่อาบข้างถนนเลย


ตัวโรงแรมเองเนื่องจากไม่ค่อยมีคนมาอยู่จึงไม่ได้เตรียมผ้าเช็ดตัวให้เราด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะไม่ค่อยมีคนอาบน้ำกันในทะเลทรายด้วยกระมั่ง(?)




 

การเตรียมตัว

ขึ้นชื่อว่าทะเลทรายก็ต้องแห้งมาก แดดจ้า ลมแรง อณุหภูมิต่างกันมากเช้าเย็น และขาดแคลนน้ำ สิ่งที่ต้องเตรียม

1) ครีมทาผิวแบบครีม โลชั่นทาผิวใช้ไม่ได้ มิฉะนั้นมันจะระเหยง่ายไม่ช่วยให้หายผิวแตกตัวคัน

2) ครีมกันแดด ควรจัดแบบครีมเช่นกันมิฉะนั้นจะระเหยเร็ว หากไม่มีให้ทาทับวันละ 6รอบหรือทุก 2ชมเพื่อไม่ให้หน้าไหม้ กลับมารักษาฝ้าต่อไม่คุ้ม

3) กันแดดกันลม ในหมวดเสื้อผ้านั้นทรายจะเม็ดเล็กมาก ควรสวมเสื้อแขนขายาวคลุมให้หมดเพื่อกันโดนแดดเผาและการเข้าสถานที่ทางศาสนาต่างๆต้องแต่งตัวตามหลักศาสนา เสื้อคลุมเลยเอว แขนถึงข้อมือ และปิดเลยถึงข้อเท้า แนะนำสวมรองเท้าประเภทบูธหนัง ซิลิโคนหรือยาง พวกที่กันน้ำได้จะเอามากันทรายได้ สูงอย่างน้อยครึ่งน่องเพื่อเวลาเดินบนเนินทรายจะยวบหน่อย ทรายจะได้ไม่เข้ารองเท้า ท่านที่นิยมรองเท้าผ้าใบเม็ดทรายจะเข้าไปฝั่งอยู่ในผ้าใบ บางคนรองเท้าสีขาวเปลี่ยนเป็นสีทรายเลยทีเดียว ไม่แนะนำพกร่มหรือหมวกเพราะลมแรง แต่แนะนำโพกผ้า ซื้อที่โน้นเลยก็ได้มีขายทั่วไป ทรายจะได้ไม่เข้าผมด้วยและใช้ชายผ้ามาปิดหน้าเวลาลมมาเพื่อไม่ให้เข้าจมูกและปาก ไม่แนะนำใส่หน้ากากผ้าปิดหน้า เพราะหายใจลำบาก และที่ขาดไม่ได้คือแว่นดำที่จะช่วยลดแสงแล้วยังกันทรายเข้าตาอีก

4) เช้า-เย็นอณุหภูมิต่างกันมากๆ เตรียมเสื้อนอกแบบขนเป็ดที่พับเก็บง่ายๆไป เผื่อจะแคมป์ในทะเลทรายต้องใช้แน่นอน กลางคืนอาจหนาวอณุหภูมิต่ำลงถึง 15องศา

5) อาหาร คนทั่วไปนับถืออิสลามเป็นส่วนใหญ่ ้าติดว่าตัวเองเป็นคนกินยากมากๆ เตรียมนมปังและน้ำร้อนใส่กระติกไปด้วย ส่วนตัวเป็นคนพกกระติกน้้า/กระบอกน้ำสูญญกาศ ไปที่ร้อนๆก็ใส่น้ำแข็งเครื่องดื่มของตัวเองสดชื่น ไปที่หนาวๆก็ส่น้ำร้อนไว้จิบกันหนาว

6) ยาต่างๆ ตัวยาเขาไม่ค่อยเหมือนบ้านเรา เตรียมไปแบบเบสิกน่าจะดี

7) ห้องน้ำ ยังไงในทะเลทรายไม่มีแม้แต่ห้องน้ำ เวลากินน้ำก็ดูก่อน


เกร็ดน่ารู้

วิธีเที่ยวแถบนี้นิยมทำโดยการเช่าเหมารถกับชาวเบดูอิน เขาจะเอาเต้นท์เข้ามาสร้างแคมป์ให้เราอยู่กลางทะเลทราย พร้อมทำอาหารแบบเบดูอินให้ทานรอบกองไฟในตอนเย็น นักท่องเที่ยวนอนดูดาวในทะเลทราย และตื่นขึ้นพร้อมแสงแรกของวัน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่หลายคนประทับใจมาก แต่ต้องเตือนก่อนว่าในพื้นที่ทะเลทรายขาวไม่มีบ้านคน ร้านอาหาร หรือซุ้มผู้ดูแลด้วยซ้ำ ฉะนั้นห้องน้ำจึงไม่มีแน่นอน การไม่อาบน้ำพอรับได้ แต่การเข้าส้วมตามซอกหิน และนอนกลางทะเลทรายกับชาวเบดูอิน 2ต่อ 2 ต้องขอผ่านไปก่อนรอบนี้ เราเลือกการอยู่โรงแรมซึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ในหมู่บ้าน Farafra ที่ห่างจากทะเลทราย 45 กิโลเมตร ซึ่งก็ร้างๆเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวมานาน แต่โรงแรมแถวนี้มีน้ำพุร้อน ลองศึกษาดูนะค่ะสำหรับคนที่อยากไป

791 views

Comments


bottom of page